กลุ่มบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กำลังเดินหน้าสู่อนาคตด้วยแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและสร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมสีเขียว วันนี้ กลุ่มบริษัทบางจากกำลังมุ่งสู่ช่วงเวลาสำคัญครั้งใหม่ที่ท้าทาย ภายใต้เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) โดยมีเป้าหมายแรกคือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) บริษัทฯ จึงได้มีการปรับวิสัยทัศน์และพันธกิจองค์กร สู่วิสัยทัศน์ใหม่ ‘รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว’ และกำหนดยุทธศาสตร์การเติบโตจนถึงปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) สำหรับทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับแนวทางของแผนงาน BCP 316 NET เพื่อรองรับเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
วิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร
บางจากฯ ได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่เป็น “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” พร้อมตั้งเป้าหมายสำคัญ ได้แก่
- บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573
- ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ภายในปี 2593
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว บางจากฯ ได้กำหนดแผน “BCP 316 net” ซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
กลยุทธ์ 4S เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
บางจากฯ ได้วางกลยุทธ์องค์กรภายใต้แนวคิด 4S ได้แก่:
- Security: สร้างความมั่นคงด้านพลังงานโดยให้ความสำคัญกับแหล่งต้นน้ำของพลังงาน
- Synergy: เสริมสร้างความร่วมมือและประสิทธิภาพภายในองค์กรและกับพันธมิตร
- Sustainability: มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
- Scalability: ขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตในอนาคต
กลยุทธ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเติบโตของบางจากฯ ในระยะยาวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
โครงการและการลงทุนสำคัญ
บางจากฯ ได้ดำเนินโครงการและการลงทุนที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการเติบโตและความยั่งยืนขององค์กร ได้แก่:
- การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF): บางจากฯ ได้ลงทุนในโครงการผลิต SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว โดยโรงงานมีกำหนดเริ่มเดินเครื่องในไตรมาสที่ 2 ปี 2568
- การขยายสถานีบริการน้ำมัน: มีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 2,400 แห่งภายในปี 2573 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ
- การพัฒนาแพลตฟอร์มจักรยานยนต์ไฟฟ้า “วินโนหนี้” (Winnonie): เป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่ง
- การจัดตั้ง Carbon Markets Club: เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย
เป้าหมายทางการเงิน
บางจากฯ ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ท้าทาย โดยมุ่งหวังที่จะ:
- บรรลุ EBITDA ที่ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573
- มีรายได้รวมกว่า 1 ล้านล้านบาท จาก 5 กลุ่มธุรกิจหลัก
- เข้าสู่ดัชนี SET50 ภายในปี 2573
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ บางจากฯ ได้วางแผนการลงทุนรวมกว่า 200,000 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 8 ปีข้างหน้า
สรุป
บางจากฯ กำลังเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนและเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน กลยุทธ์ที่ครอบคลุม และการลงทุนในโครงการที่สำคัญ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและสร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
หุ้นของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจในระยะยาว
📊 ราคาเป้าหมายและคำแนะนำจากนักวิเคราะห์
- ราคาเป้าหมายเฉลี่ย: 39.54 บาท
- ช่วงราคาเป้าหมาย: 29.00 – 47.00 บาท
- คำแนะนำ: 83.3% ของนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ”
นอกจากนี้ บล.ทรีนีตี้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 38 บาท
📈 ปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนการเติบโต
- ค่าการกลั่น (GRM): ในไตรมาส 2 ปี 2568 ค่าการกลั่นเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น 29% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
- โครงการ SAF: บางจากฯ มีแผนเริ่มเดินเครื่องโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต
- การลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด: บริษัทมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดและการขยายสถานีบริการน้ำมัน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ
📉 การวิเคราะห์ทางเทคนิค
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค พบว่าสัญญาณส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในโซน “ขาย” โดยค่า RSI อยู่ที่ 44.07 และ MACD อยู่ที่ -0.02 ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มขาลงในระยะสั้น
✅ สรุป
แม้ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะชี้ถึงแนวโน้มขาลงในระยะสั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานของบางจากฯ ยังคงแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว นักลงทุนที่สนใจควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน